【ห้ามพลาด】10 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวในKurume แนะนำจุดทัวร์โดยชาวญี่ปุ่น!!

หากพูดถึงแหล่งท่องเที่ยวในตัวหวัดฟุคุโอกะ ผู้คนก็มักจะนึกถึงเมืองฮาคาตะหรือท่าเรือโมจิโค ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง! แล้วหากพูดถึงเมืองคุรุเมะคุณจะนึกถึงอะไร? สำหรับคนที่นึกไม่ออก เรามีข่าวดีมาบอก! ที่จริงแล้วคุรุเมะเป็นเมืองที่มีซากโบราณ และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติให้พักผ่อนหย่อนใจมากมาย หากมาท่องเที่ยวแล้วอยากจะพักผ่อนสักนิดก็แวะมาสักหน่อยไหม? ถ้าสนใจเราจะแนะนำแหล่งท่องเที่ยวในคุรุเมะให้!

1. พื้นที่แห่งพลังที่อยุ่ในภูเขาลึก ”ศาลเจ้าโคระ”

photo by mamiya66   /   embedded from Instagram

“ศาลเจ้าโคระ” ตั้งอยู่บนภูเขาโคระซังที่มีความสูง 312 เมตร ศาลเจ้าแห่งนี้ได้รับการนับถือในฐานะศาลเจ้าแห่งการขจัดภัย, ชีวิตยืนยาว และเดินทางปลอดภัยประจำพื้นที่ชิคุโกะโนะคุนิ ศาลเจ้าแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อราว 1600 ปีก่อน โดยมีตัวศาล, แท่นบูชาที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคคิวชู และได้รับการลงทะเบียนเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมประจำชาติ หากคุรเดินต่อจากตัวศาลเจ้าไปอีก 20 นาที จะได้พบการศาลส่วนลึกที่มีน้ำพุวิญญาณไหลออกมา

ในปัจจุบันศาลเจ้าแห่งนี้ถูกเรียนเป็นพื้นที่แห่งพลังที่จะมอบพลังและโชคลาภให้ผู้มาเยือน ทั้งยังสามารถชมวิวทิวทัศน์ของพื้นที่ราบชิคุโกะฮิราโนะจากมุมสูงได้จึงทำให้มีผู้มาเยือนมากมาย หากอยากจะลองแวะมาเราขอบอกก่อนว่าในตัวศาลมีบันไดและเนินค่อนข้างเยอะ จึงควรแต่งกายและสวมรองเท้าที่เคลื่อนไหวง่ายมาจะดีกว่านะ!

2. ชมดอกกุหลาบพันปีบานสะพรั่งในสวนเพื่อรีเฟรช! ”สวนสาธารณะร้อยปีคุรุเมะ”

photo by patcha_yuji   /   embedded from Instagram

สวนสาธารณะแห่งนี้ถูฏสร้างขึ้นมาในปีค.ศ. 1989 เพื่อฉลองครบรอบ 100 ปีเมืองคุรุเมะ ปกติจะเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนในของชาวเมือง แต่เมื่ถึงช่วงฤดูใบไม้ผลิจะมี “คุระเมะทสึทสึจิมัตสึริ” (เทศกาลกุหลาบพันปีคุรุเมะ) ทำให้มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเป็นจำนวนมาก ดอกกุหลายพันปีในสวนสาธารณะแห่งนี้มีหลายพันธุ์เช่น เบนิคิริชิมะทสึทสึจิที่มีอายุได้มากกว่า 300 ปีซึ่งรับมาจากเมืองทาเทะบายาชิ จังหวัดกุนมะ หรือคุระเมะทสึทสึจิ ฯลฯ รวมทั้งหมดกว่า 120,000 ดอก เทศกาลที่จัดขึ้นในช่วง 5 เม.ย. ถึง 5 พ.ค. ปี 2017 นี้คือครั้งที่ 60 ของเทศกาลดังกล่าว

นอกจากนี้ หากคุณแวะเวียนมาบริเวณนี้ยังสามารถไปชมซากุระพันธุ์โซเมะโยชิโนะกว่า 200 ต้นที่บานสะพรั่งริมแม่น้ำชิคุโกะคาวะช่วงปลายเดือนมีนาถึงต้นเดือนเมษาได้อีกด้วย ถ้าแวะมาช่วงต้นเดือนเมษาอาจจะโชคดีได้ชมทั้งกุหลายพันปีและซากุระเลยนะ คุ้มค่าใช่ไหมล่ะ?

3. แหล่งท่องเที่ยวที่คุณจะถูกห้อมล้อมด้วยดอกกุหลาบ! ”ศูนย์วัฒนธรรมอิชิบาชิ”

“ศูนย์วัฒนธรรมอิชิบาชิ” เป็นศูนย์วัฒนธรรมที่ประกอบไปด้วยสิ่งก่อสร้างและอาคารหลายส่วนเช่น หอศิลป์คุรุเมะ, หอสมุดคุรุเมะ หอที่ระลึกเซจิโร่ อิชิบาชิ ฯลฯ โดยเพิ่งจะครบรอบเปิดให้บริการ 60 ปี ไปเมื่อปีค.ศ. 2016 ที่ผ่านมา โดยภายในศูนย์วัฒนธรรมมีสวนกุหลาบที่ถูกปลูกเอาไว้ตั้งแต่เริ่มเปิดให้บริการไม่นาน จนกลายเป็นเหมือนดอกไม้ประจำศูนย์วัฒนธรรมอิชิบาชิไปแล้ว ที่หน้าหอศิลป์จะมีกระถางดอกไม้สไตล์ฝรั่งเศส ที่ปลูกกุหลาบพันธุ์ชื่อดังเอาไว้มากมายให้คุณได้ชม

นอกจากนี้ที่ส่วนคาโอริโนะบาระเอ็น (สวนกุหลาบกลิ่นหอม) จะเต็มไปด้วยกุหลาบพันธุ์ที่มีกลิ่มหอมโดดเด่น และยังมีกุหลาบที่ตั้งชื่อตามผู้มีชื่อเสียงมากมายหลายพันธุ์ปลูกเอาไว้ด้วย สวนกุหลาบแห่งนี้จะเข้าสู่ช่วงที่สวยงามที่สุดปีละ 2 ครั้งคือเดือนพ.ค. และต.ค. หากจะไปภายในเข้าศูนย์วัฒนธรรมอิชิบาชิ หรือหอศิลป์จะต้องจ่ายค่าเข้าชม แต่สวนกุหลาบนั้นสามารถเข้าชมได้ฟรี หากคุณแวะมาช่วงที่ดอกกุหลาบบานสะพรั่งพอดีก็น่าจะลองแวะมาสักหน่อยนะ!

4. แหล่งท่องเที่ยวสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขับรถชมวิว! ”มิจิโนะเอกิ คุรุเมะ”

photo by sagami0212   /   embedded from Instagram

“มิจิโนะเอกิ คุรุเมะ” คือหนึ่งในสถานที่แวะพักระหว่างการขับรถเที่ยวยอดนิยมในเครือมิจิโนะเอกิยอดนิยมที่มีอยู่กว่า 100 แห่งทั่วประเทศ มีทั้งร้านอาหาร, ห้องพัก, ร้านขายของ, ห้องน้ำ ฯลฯ โดย “มิจิโนะเอกิ คุรุเมะ” นั้นติด TOP 10 มิจิโนะเอกิยอดเยี่ยมที่คุ้มค่ากับการแวะเวียนไปในปีค.ศ. 2015

ที่นี่มี “อาคารขายตรงสินค้าประจำถิ่น” ที่วางขายผักสดในพื้นที่, สินค้าเกษตรแปรรูป, ขนม, เหล้าประจำถิ่น ฯลฯ “โฮโตเมคิอัน” ร้านอาหารแบบบริการตนเองที่คุณจะได้ชิมอาหารประจำถิ่นเช่น ซุปดาโกะจิรุ และยังมีคาเฟ่ยอดนิยมที่ขายซอฟต์ครีมทำจากนมวัวเจอร์ซี่แสนเข้มข้นอีกด้วย “มิจิโนะเอกิ คุรุเมะ” อยู่ห่างจาก คุรุเมะ IC ของทางหลวงคิวชูเพียง 10 นาทีเท่านั้น หากคุณขับรถผ่านมาก็ลองแวะเข้าไปหน่อยไหม?

5. สถานที่แนะนำสำหรับการปิคนิก! ”สวนสาธารณะคุรุเมะชินรินทสึทสึจิ”

photo by mikankk   /   embedded from Instagram

สวนสาธารณะคุรุเมะชินรินทสึทสึจิเปิดให้บริการในปีค.ศ. 1987 เพื่อเป็นที่ระลึกฉลองการที่คุรุเมะทสึทสึจิที่เป็นของดีประจำเมืองคุรุเมะได้รับเลือกให้เป็นต้นไม้ประจำจังหวัดฟุคุโอกะ พื้นที่แห่งนี้เคยเป็นฐานที่มั่นของตระกูลคิคุจิในสมัยนันโบคุ จึงมีวิวทิวทัศน์ที่งดงามสามารถมองลงไปเป็นทุ่งราบชิคุโกะฮิราโนะ และแม่น้ำชิคุโกะคาวะแผ่กว้างสุดลูกหูลูกตาได้ ต้นคุรุเมะทสึทสึจิถูกปรับปรุงสายพันธุ์ในยุคเอโดะ และถูกนำใช้ในการเพิ่มสีเขียวให้กับเมืองใหญ่หลายแห่งในประเทศ รวมถึงใช้ในการจัดสวนด้วย

ในสวนแห่งนี้มีต้นไม้กว่า 100 พันธุ์รวมมากกว่า 62,000 ต้นปลูกเอาไว้ โดยมีช่วงที่เหมาะที่สุดกับการแวะมาเที่ยวคือกลางเดือนเม.ย. ถึง ต้นเดือนพ.ค. นอกจากต้นไม้ยังมีซากโบราณสถานและเส้นทางปีนเขา ทำให้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมืองด้วย ภายในสวนที่ได้รับการดูแลอย่างดีนั้นไม่ว่ามองไปทางไหนคุณจะเห็นสีขาว, แดง, ชมพูสลับสวยงามของต้นทสึทสึจิ และวิวทิวทัศน์ของทุ่งรายชิคุโกะฮิราโนะได้ ลองพกข้าวกล่องแล้วแวะมาพักผ่อนหย่อนใจที่นี่ดูก็ดีนะ!

6. ถ้าอยากกินราเม็งที่เมืองคุรุเมะต้องมาที่นี่! ”ไทโฮราเม็ง”

photo by nissy_tn   /   embedded from Instagram

คุณรู้หรือไม่? ว่าเมืองคุรุเมะคือแหล่งกำเนิดของทงคตสึราเม็งที่ใช้ซุปกระดูกหมู ต้นกำเนิดของราเม็งในปัจจุบันเริ่มขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1937 โดยเจ้าของร้านที่มาจากจังหวัดนางาซากิได้เปิดร้านแผงลอย “นันเคียวเซนเรียว” ที่ขายราเม็งซุปใส หลังนั้น 10 ปีร้านแผงลอยซังคิวได้ต้มซุปนานเกินไปจนเกิดออกมาเป็นซุปสีขาวขุ่นเช่นในปัจจุบัน และแพร่หลายออกไปยังคิตะคิวชู, คุมาโมโตะต่อไป

ปัจจุบันมีร้านราเม็งอยู่ในเมืองมากมาย แต่ร้านที่เราอยากจะแนะนำมากที่สุดคือ “ไทโฮราเม็ง” ที่มีจุดเด่นคือ “โมบิโมโดชิซุป” (ซุปเรียกคืนกลับ) ซึ่งมีรสอร่อยเข้มข้นกว่าที่ไหน นอกจากคุรุเมะราเม็งที่เป็นเมนูหลักแล้วยังมี ราเม็งแบบสมัยก่อนที่ใส่ก้อนมันหมูทอด, ชาชูเม็ง, วันตันเม็ง ฯลฯ อีกด้วย แถมร้านนี้ยังเคยลงมิชลินไกด์เมื่อปี 2014 ด้วยนะ! คุ้มค่าที่จะลงทุนมาชิมแน่นอน!

7. สัมผัสประวัติศาสตร์ของคุรุเมะ! ”หอที่ระลึกอาริมะ, ซากปราสาทคุรุเมะ”

photo by masagon108   /   embedded from Instagram

ปราสาทคุรุเมะคือที่อยู่ของตระกูลอาริมะที่ปกครองพื้นที่แห่งนี้มา 11 รุ่น รวมเวลากว่า 250 ปี จนถึงการปฏิวัติเมจิ เป็นปราสาทที่ไม่มีหอกลางตามแบบปราสาทฮิรายามะ โดยปัจจุบันยังมีกำแพงหินที่งดงามหลงเหลือให้ได้แวะเวียนไปชมอยู่ หลังจากปราสาทนี้ถูกเลิกใช้งานไป ก็ได้มีการสร้างศาลเจ้าซาซายามะขึ้นมาในบริเวณหอหลักของปราสาทเพื่อบูชาผู้ปกครองเขตรุ่นแรก และยังมีการสร้างหอที่ระลึกโทโก ที่มีห้องหนังสือของเฮฮาจิโร่ โทโกอยู่ รวมไปถึงหอที่ระลึกอาริมะด้วย

เอกสารทางประวัติศาสตร์และงานศิลปะที่เกี่ยวข้องกับตระกูลอาริมะที่แสดงเอาไว้ในหอที่ระลึกอาริมะนั้นคู่ควรกับการไปชมสักครั้งมาก! แถมภายในพื้นที่ปราสาทมีต้นซากุระพันธุ์ยามะซาคุ โซเมะโยชิโนะกว่า 30 ต้นปลูกเอาไว้ จึงได้รับความนิยมมาชมซากุระบานในช่วงฤดูใบไม้ผลิมาก! หากคุณชอบปราสาทและประวัติศาสตร์ที่แห่งนี้ต้องถูกใจคุณแน่นอน! ลองแวะมาสักหน่อยไหม?

8. วัฒนธรรมดอกไม้ไฟที่สืบสานกันมากว่า 360 ปี! ”เทศกาลดอกไม้ไฟแม่น้ำชิคุโกะ”

photo by 25ai25   /   embedded from Instagram

จุดเริ่มต้นของ “เทศกาลดอกไม้ไฟแม่น้ำชิคุโกะ” อยู่ที่ปีค.ศ. 1650 โดยทาดาโยริ อารุมะผู้ปกครองแคว้นคุรุเมะรุ่นที่ 2 ได้ทำการสร้างศาลเจ้าบริจาคให้กับศาลเจ้าซุยเทนกู พร้อมจัดงานดอกไม้ไฟเพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง และสืบทอดกันมายาวนานกว่า 360 ปีจนกลายเป็นหนึ่งในเทศกาลขึ้นชื่อประจำฤดูร้อนของญี่ปุ่นฝั่งตะวันตกในปัจจุบัน โดยเปลี่ยนมาใช้ชื่อว่า “เทศกาลดอกไม้ไฟแม่น้ำชิคุโกะ” ตั้งแต่ปี 1965 และจะจัดขึ้นทุกวันที่ 5 ส.ค. ของทุกปี

ในแต่ละปีคุณจะสามารถชมดอกไม้ไฟนานาชนิดทั้งแบบทั่วไป, ดอกไม้ไฟประสาน หรือดอกไม้ไฟน้ำตกกลางเวหา รวมกว่า 18,000 ลูกได้จากสถานที่ที่จัดเตรียมไว้ 2 แห่งคือเมือง เคียวมาจิ และซาซายามะ ลองหาเวลาแวะมาชื่นชมดอกไม้ไฟส่องประกายสวยงามกลางท้องฟ้ายามราตรีในฤดูร้อนดูกันสิ!

9. แหล่งชมใบไม้แดงแสนงามในฤดูใบไม้ร่วง! ”คิตะโนะเทนมันกุ”

photo by s2b1m5   /   embedded from Instagram

ศาลเจ้าคิตะโนะเทนมันกุในเมืองคุรุเมะจังหวัดฟุคุโอกะนั้นถูกสร้างขึ้นมาในฐานะศาลเจ้าแยกของคิตะโนะเทนมันกุของเกียวโตเมื่อปีค.ศ. 1054 ตามคำสั่งของจักรพรรดิโกะเรเซ โดยพระเจ้าที่ได้รับการบูชาประจำศาลเจ้าแห่งนี้คือสุกาวาระโนะมิจิซาเนะ เทพเจ้าแห่งวิชาการ อาคารต่างๆ ภายในศาลเจ้าได้มีการทาเคลือบสีชาดเอาไว้อย่างสวยงาม แถมยังมีต้นไม้ใหญ่อายุกว่า 900 ปีอยุ่ด้วย

นอกจากนี้ยังมีการกล่าวว่าที่ศาลเจ้าแห่งนี้เก็บรักษาซากแขนของกัปปะเอาไว้ในห้องสมบัติด้วย หากออกจากศาลเจ้าคิตะโนะเทนมันกุไปประมาณ 4 กิโลเมตร จะพบกับแม่น้ำที่มีดอกคอสมอสบานสะพรั่งสวยงามตัดกับวิวทิวทัศน์ของต้นไม้ในฤดูใบไม้ร่วงรอบๆ! หากจะแวะมาเที่ยวที่นี่ขอแนะนำว่าต้องมาช่วงฤดูใบไม้ร่วงกันให้ได้นะ!

10. แหล่งท่องเที่ยวที่คุณจะได้สักการะพรุพุทธรูปขนาด 62 เมตร! ”นาริตะยามะคุรุเมะบุนอิน”

photo by kinn2017   /   embedded from Instagram

วัด “นาริตะยามะคุรุเมะบุนอิน” เป็นอารามย่อยที่แยกมาจากวัดนาริตะยามะชินโชจิเมื่อปีค.ศ. 1958 มีสัญลักษณ์เด่นคือพระพุทธรูปของเจ้าแม่กวนอิมที่สูงกว่า 62 เมตร และใช้เพชร 3 กะรัต 18 ชิ้นติดไว้ที่หน้าผาก ส่วนรูปปั้นเด็กที่กอดเอาไว้ในอ้อมแขนของพระพุทธรูปก็มีขนาดถึง 13 เมตร ด้านในของพระพุทธรูปมีบันไดวนสำหรับปีนขึ้นไปจนถึงไหล่ได้ด้วย แถมยังมี “หมู่บ้านอินเดีย” ที่ดูแปลกตาให้เข้าไปเที่ยวอยู่ในบริเวณเดียวกันกับพระพุทธรูปด้วย แต้ต้องเสียค่าเข้าชมนะ

ทางด้านในจะมีพระพุทธธาตุไว้ให้สักการะ และยังมีภาพอธิบายประวัติของประพุทธเจ้าตั้งแต่ประสูตร ออกบวช บำเพ็ญทุกรกิริยา จนถึงตรัสรู้ และปรินิพพานเอาไว้ด้วย แถมยังกล่าวกันว่าหากทำการขอพรสักการะบูชาที่นี่จะเดินทางปลอดภัย ไม่ประสบอุบัติเหตุ เหมาะเหม็งกับนักเดินทางพอดีด้วยนะ หากแวะมาเมืองคุรุเมะก็ลองเข้ามาไหว้พระขอพรสักหน่อยสิ!

ลองไปเที่ยวเมืองคุรุเมะในจังหวัฟุคุโอกะที่มีสถานที่ยอดนิยมมากมายดูหน่อยเป็นไง?

เป็นอย่างไรกันบ้าง? จังหวัดฟุคุโอกะนั้นนอกจากแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอย่างฮาคาตะหรือคิตะคิวชูแล้ว ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์น่าค้นหามากมายอย่างคุรุเมะอยู่อีก วิวทิวทัศน์ของแต่ล่ะสถานที่ก็เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาลทำให้แวะไปได้ไม่รู้เบื่อ คุณเองก็ลองแวะมาสัมผัสเสน่ห์ของคุรุเมะที่ยังไม่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางด้วยตัวเองก่อนใครดูหน่อยไหม?