【ห้ามพลาด】10 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวในAbashiri(อะบาชิริ) ฮอกไกโด แนะนำจุดทัวร์โดยชาวญี่ปุ่น!!

หากนึกถึงการเที่ยวฮอกไกโดแล้ว คุณคิดถึงที่ไหน หลายคนคงนึกถึงซัปโปโร ฮาโกดาเตะ หรือแหล่งมรดกโลกอย่างชิเรโตโกะ แต่น้อยคนนักที่จะนึกถึงอะบาชิริ จริงๆแล้วอะบาชิริมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายซึ่งยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเข้าไปนัก ครั้งนี้เราจึงอยากจะมาแนะนำ 10 สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติในอะบาชิริ ที่รับรองว่าไปแล้วต้องสนุกเกินคาดแน่นอน

1. สัมผัสชีวิตในเรือนจำแบบที่หาที่ไหนไม่ได้ที่ “พิพิธภัณฑ์เรือนจำอะบาชิริ”

ที่นี่เป็นพิพิภัณฑ์เรือนจำแห่งเดียวในญี่ปุ่น เป็นเรือนจำที่เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยเมจิและได้มีการย้ายและบูรณะแล้วเปิดให้เข้าชมได้ ทั้ง 8 อาคารได้ถูกจดทะเบียนเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศในปี 2016 ด้านในมีการใช้หุ่นในการแสดงให้เห็นสภาพของเรือนจำในสมัยนั้น พื้นที่ทั้งหมดนั้นใหญ่กว่าโตเกียวโดมถึง 3.5 เท่า คุณสามารถเที่ยวชมอาคารต่างๆไม่ว่าจะเป็น สำนักงาน ห้องขัง โครงสร้างของอาคาร และประตูหลังเป็นต้น

และยังสามารถสัมผัสการใช้ชีวิตของเหล่านักโทษที่นี่ได้ เช่น การอาบน้ำของนักโทษ หากคุณอยากสัมผัสประสบการณ์ที่ลึกซึ้งขึ้นไปอีก ที่นี่ยังมีเมนูอาหารในเรือนจำให้คุณสามารถลองลิ้มรสได้ ในช่วงวันที่ 21 เมษายนถึง 20 ตุลาคมมีบริการไกด์ทัวร์ฟรีอีกด้วย มาลองประสบการณ์แบบนี้ที่คุณจะหาไม่ได้จากที่ไหนอีกแล้วกันให้ได้นะ

2. สัมผัสความหนาวติดลบ 15 องศาที่ “Okhotsk Ryuhyokan”

photo by makotoraman   /   embedded from Instagram

Okhotsk Ryuhyokan สถานที่จัดแสดงเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในธารน้ำแข็งและทะเล Okhotsk มีการแสดงภาพเคลื่อนไหวสภาพภายในท้องทะเลและธารน้ำแข็งผ่าน Projection Mapping ขนาดใหญ่ที่สุดในฮอกไกโด นอกจากนี้ยังมีการเพาะพันธุ์และจัดแสดงเทวดานางฟ้าแห่งธารน้ำแข็ง “Clione” “Lumpsucker” อีกด้วย และภายในห้องที่ติดลบ 15 องศาก็มีระเบียงธารน้ำแข็งให้คุณสามารถสัมผัสธารน้ำแข็งของจริงได้

ในวันที่อากาศดีจะขึ้นไปบนระเบียงเพื่อชมทะเลสาบ อะบาชิริ, โนเงอิ, ทาเคโบะ, ฮัคโก และภูเขาชิเรโตโกะก็ได้เช่นกัน และถ้าคุณรู้สึกหิวที่นี่กีร้านอาหารที่อาหารที่ทำมาจากวัถุดิบพื้นถิ่นของอะบาชิริและฮอกไกโดด้วย นอกจากนั้นยังมีเมนูซอฟต์ครีมรสเกลือคาราเมลซึ่งเกลือทำมาจากเกลือของทะเล Okhotsk ที่เป็นที่นิยมอย่างมากที่พร้อมเสริฟคุณอยู่ในคาเฟ่

3. ทุ่งหญ้าปะการังสีแดง “ทะเลสาบโนโตโระ”

ในช่วงเดือนกันยายนทะเลสาบโนโตโระในอุทยานแห่งชาติอะบาชิริจะเปลี่ยนเป็นพื้นที่สีแดงสดใสจากหญ้าปะการังที่เกิดขึ้น โนโตโระเป็นทะเลสาบน้ำเค็มซึ่งเชื่อมต่อกับทะเล Okhotsk และมีขนาดเส้นรอบวงประมาณ 33 กิโลเมตร และในช่วงเดือนเมษายนถึงตุลาคมคุณยังสามารถลองขุดหอยได้อีกด้วย หญ้าประการังจะพบได้มากที่ทางตอนใต้ของทะเลสาบโนโตโระ เขตอุบาระนะอิ

ในครั้งหนึ่งหญ้าปะการังนี้มีแนวโน้มที่จะลดลง แต่ในปี 2015 ได้มีการประกาศให้มีการฟื้นฟูกลับมาอีกครั้ง ช่วงกลางเดือนกันยายนถึงปลายเดือนจะเป็นช่วงที่หญ้าปะการังสวยที่สุด จึงมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมกันกว่า 2 แสนคน ทางเดินบริเวณทะเลสาบก็สามารถเดินชมได้ง่าย เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การเดินเล่นอีกที่เลยทีเดียว

4. ชมดอกไม้แสนสวยงามที่ “Flower Garden Hana Tento”

photo by balibali_umechan   /   embedded from Instagram

“Flower Garden Hana Tento” ตั้งอยู่บนเขาเท็นโตกลางอุทยานแห่งชาติอะบาชิริ ซึ่งในฤดหนาวจะกลายเป็นลานสกี Lake view ของอะบาชิริ จะมีในช่วงฤดูร้อนสั้นๆเท่านั้นที่จะสามารถชมดอกไม้หลากสีสันที่ถูกดูแลโดยประชาชนของที่นี่ได้ สวนนี้เริ่มขึ้นเมื่อปี 2002 ปัจจุบันนี้มีพืชกว่า 8 หมื่นชนิดที่ปกคลุมอยู่บนพื้นที่เนินเขากว่า 3.5 เฮกเตอร์

ดอกไม้แสนสวยที่ถูกจัดเรียงเป็นเหมือนรุ้งบนท้องฟ้าเป็นเหมือนการเพิ่มชีวิตชีวาในการท่องเที่ยวของคุณ ในปี 2017 นี้จะเริ่มเปิดในช่วงปลายเดือนมิถุนายน แต่ช่วงที่ดอกไม้จะสวยงามที่สุดคือช่วงกลางเดือนสิงหาคมไปจนถึงต้นเดือนตุลาคม ก่อนที่อากาศจะหนาว ในหน้าร้อนนี้ลองมาเดินเล่นที่นี่ดูสักวันไหมล่ะ

5. เพลิดเพลินกับธารน้ำแข็งในท้องทะเลอันหนาวเหน็บ “เรือชมธารน้ำแข็งแห่งอะบาชิริ Aurora”

photo by tkc0915   /   embedded from Instagram

อะบาชิริที่ตั้งอยู่ที่ 44 องศาเหนือนั้น ว่ากันว่าชายฝั่ง Okhotsk เป็นสุดเขตแดนทางตอนใต้ของทะเล ที่แม่น้ำอามูร์ที่อยู่ห่างออกไปมีธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ และสิ่งที่เกิดขึ้นมาพร้อมกันนี้ก็คือเหล่าเทวดานางฟ้าแห้งธารน้ำแข็ง “Clione” และก็ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นด้วย เช่น แมวน้ำและนกอินทรีย์ทะเล

หากคุณชอบที่นี่แนะนำให้นั่งเรือ Aurora สักชั่วโมง คุณอาจจะได้ยินเสียงส่วนต่างๆของเรืองปะทะกับธารน้ำแข็ง การนั่งเรือ Aurora นั้นจะมีเฉพาะในช่วงที่หนาวจัดเท่านั้น ช่วงเวลาจะแตกต่างกันไปในทุกๆปี และอาจะมีบางครั้งที่ไม่มีการล่องเรือเนื่องจากปัญหาด้านลักษณะรูปร่างของธารน้ำแข็งและภูมิอากาศ เพราฉะนั้นหากมีโอกาสแล้วไม่ควรพลาด

6. ทำความรู้จักวิถีชีวิตไลฟสไตล์ที่หลากหลายได้ที่ “Hokkaido Museum of Northern Peoples”

photo by shimamonmon   /   embedded from Instagram

“Hokkaido Museum of Northern Peoples” เป็นสถานที่ที่คุณสามารถเรียนรู้การใช้ชีวิตและวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ในแถบเหนือได้ ไม่ว่าจะเป็น Ainu หรือ Inuit คุณจะได้เห็นและทำความเข้าใจในความแตกต่างของแต่ละชาติพันธุ์ ภายในมีการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ของกลุ่มวัฒนธรรม Okhotsk เช่น อุปกรณ์ในการเดินบนหิมะ การล่าสัตว์ การกิน และเสื้อผ้าเป็นตัน

ความน่าสนใจคือความแตกต่างของแต่ละชาติพันธุ์ในการนำสิ่งของต่างๆมาใช้ บางช่วงจะมีกิจกรรมงานฝีมือให้คุณได้ลองทำ นอกจากนี้ยังมีงานจัดแสดงและคอนเสิร์ตเป็นช่วงๆอีกด้วย ลองเช็คตารางการจัดงานแล้วมาเที่ยวด้วยกันนะ

7. สถานที่แสดงวิถีชีวิตชาว Okhotsk “Moyoro Kaizuka Museum”

photo by hatugenchu   /   embedded from Instagram

ชาว Okhotsk ได้เข้ามาฮอกไกโดตั้งแต่ 1,300 ปีก่อนหน้านี้ และสาบสูญไปแล้ว แต่คุณสามารถศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับชาว Okhotsk ได้ที่นี่ Moyoro Kaizuka Museum ตั้งอยู่ใกล้กับปากแม่น้ำอะบาชิริ มีการแสดงเกี่ยวกับวัฒนธรรมของชาว Okhotsk ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัย หลุมฝังศพ และกองขยะ

คุณจะได้เห็นกองขยะในยุคก่อนที่ถูกฟื้นฟู และมีการจัดแสดงเกี่ยวกับหลุมฝังศพพร้อมทั้งเครื่องไม้เครื่องมือของชาว Okhotsk มากมายก็มีให้ชมเช่นกัน

8. ทุ่งดอกไม้สีชมพู “Higashimokoto Shibazakura Park”

photo by budsun1996   /   embedded from Instagram

ฉากสีชมพูของเนินเขากว่า 1 แสนตารางเมตรที่จะทำให้คุณตะลึง “Higashimokoto Shibazakura Park” ตั้งอยู่บริเวณภูเขาโมโกโตะ ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงต้นเดือนมิถุนายนของทุกปีที่นี่จะเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงมาก

หากมองดูดีดีจะเห็นเป็นดอกไม้เล็กๆหลายๆดอกอยู่รวมกัน จริงๆแล้วดอกไม้ทั้งหมดไม่ได้เป็นแต่สีชมพู อาจมีบางส่วนที่เป็นสีม่วงอ่อน เมื่อมองจากที่ไกลๆจะเห็นความสวยงามของการไล่สีสัน และจะมีการจัด “เทศกาล Higashimokoto Shibazakura” ด้วย ในงานมีกิจกรรมมากมายให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่สามารถสนุกสนานได้

9. สวนดอกไม้ที่สวยงามราวภาพวาด “Gyoko no Oka Abashiri Phlox Park”

photo by sueasarikim   /   embedded from Instagram

Gyoko no Oka Abashiri Phlox Park เกิดขึ้นในปี 2002 โดยอาสาสมัครที่อายุเฉลี่ยตอนนั้นอยู่ที่ 67 ปี ได้ร่วมกันทำการจัดการป่า ในตอนเริ่มต้นมีแค่ 1,000 Phlox เท่านั้น จนปัจจุบันนี้มีถึง 1 แสน 5 หมื่น Phloxในพื้นที่กว่า 10 เฮกเตอร์ Phlox ชอบแสงแดดและทนความหนาว ที่อะบาชิรินั้นจะเริ่มบานในช่วงเดือนกรกฎาคม

ช่วงที่ดีที่สุดของที่นี่คือช่วงสิงหาคมจนถึงเดือนกันยายน ด้วยวิวที่สวยงามของดอกไม้สีชมพู แดง และม่วง ทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดชมวิวและจุดถ่ายรูปที่ได้รับความนิยมของทะเลสาบอะบาชิริหรือเมะมัมเบะสึ

10. Koshimizu Gensei Kaen

photo by 74.in.nagano   /   embedded from Instagram

มีดอกไม้ประมาณ 200 ชนิดที่ Koshimizu Gensei Kaen ช่วงที่สวยที่สุดของที่นี่คือเดือนมิถุนายนถึงปลายเดือนกรกฎาคม ซึ่งจะมีดอกไม้สีสันสดใสกว่า 40 ชนิดบานในช่วงนี้ พื้นที่เนินทรายยาวกว่า 8 กิโลเมตร 275 เฮกเตอร์ที่คั่นระหว่างทะเล Okhotsk และเลสาบ Tofutsu เป็นสวนดอกไม้ทั้งหมดและได้ถูกบันทึกเป็นสถานที่มรดกของฮอกไกโด

ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคมคุณสามารถนั่งรถไฟ JR มาถึงที่สถานี Gensei Kaen ได้ ซึ่งรถไฟจะมีเฉพาะแค่ช่วงนี้เท่านั้น ข้างบนเนิน F เราจะสามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ของภูเขาชิเรโกโตะ ชาริดาเกะ แหลมโนโตโระเป็นต้น บริเวณประชาสัมพันธ์จะพื้นที่ให้คุณได้เรียนรู้เกี่ยวกับดอกไม้และมีจักรยานให้คุณยืมปั่นได้ฟรี

ไปสัมผัสประวัติศาสตร์และธรรมชาติที่อะบาชิริกันเถอะ

เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับอะบาชิริ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยคิดถึงการไปเที่ยวอะบาชิริมาก่อน หวังว่าบทความนี้จะทำให้ทุกคนสนใจที่นี่มากขึ้น ลองเปลี่ยนเส้นทางการท่องเที่ยวดูบ้างคุณอาจจะค้นพบสิ่งที่ไม่คาดคิดมาก่อนก็ได้