【อย่าพลาด!】พบกับ 10 ร้านอร่อยแนะนำแบบฉบับโอกินาว่าแท้ๆ!

รสชาติและอาหารที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแบบพื้นเมืองโอกินาว่า หากมาถึงเมืองท้องทะเลสีเขียวมรกตแห่งนี้แล้ว จะพลาดทานอาหารท้องถิ่นก็ดูกระไรอยู่ แต่จะเลือกทานอะไรดีล่ะ ร้านไหนกันที่ว่าเด็ด คุณไม่ต้องกังวลกับเรื่องเหล่านี้ เพราะเรามีลิสต์แนะนำที่จะทำให้การท่องเที่ยวของคุณทริปนี้มีความพิเศษมากขึ้น ! โปรดอย่ารีรอที่จะออกไปท่องเมืองตามหาร้านอาหารอร่อยๆ แทนที่จะขลุกอยู่แต่ในร้านอาหารของตัวโรงแรม ออกไปสัมผัสร้านท้องถิ่น เพลิดเพลินกับรสชาติอันหลากหลายของอาหารโอกินาว่า ที่รับรองว่าคุณจะต้องโหยหามันอีกครั้ง !

1. อาหารที่เป็นดั่งจิตวิญญาณของชาวโอกินาว่าต้องที่ “ยัมบารุโซบะ” (Yambaru Soba)

photo by senes23   /   embedded from Instagram

ถ้าพูดถึงอาหารที่อยู่คู่กับชาวเมืองโอกินาว่ามาช้านานก็ต้องนึกถึง “โอกินาว่าโซบะ” เราจะพบเห็นอาหารชามนี้ได้ทุกหัวระแหงของเมือง ทั้งในฟู้ดคอร์ทห้างสรรพสินค้าไปจนถึงร้านรวงข้างถนน โดยวัฒนธรรมการรับประทานโซบะนี้มีมาตั้งแต่ยุคอาณาจักรริวกิวที่ได้รับอิทธิพลทางด้านอาหารมาจากจีนแผ่นดินใหญ่

ถึงจะได้ชื่อเสียงเรียงนามว่าโซบะ แต่ที่นี่ไม่ได้ใช้แป้งโซบะมาเป็นส่วนผสมเลย อีกทั้งน้ำซุปก็เคี่ยวจากปลาโอแห้งและกระดูกหมูเป็นหลัก ว่ากันว่าชาวเมืองโอกินาว่ารับประทานโซบะกันถึง 150,000 ชามต่อวันกันเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นอาหารจิตวิญญาณขนานแท้ ชื่อของโซบะก็มีเรียกกันหลายแบบ ตั้งแต่ ยาเอะยามะโซบะ, มิยาโกะโซบะ และไดโตโซบะ

ในบรรดาร้านโอกินาว่าโซบะที่มีหลากหลายร้าน เราขอแนะนำ “ร้านยัมบารุโซบะ” ที่มีรสชาติอร่อยและบรรยากาศร้านดีมาก โดดเด่นที่น้ำซุปกลมกล่อมต้มสูตรโบราณตั้งแต่เปิดร้านเป็นต้นมา เข้ากันได้เป็นอย่างดีกับเส้นเหนียวนุ่ม เมนูยอดฮิตอันดับหนึ่งได้แก่โซกิโซบะ ร้านนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากยืนยันได้จากจำนวนคนที่เรียงแถวเพื่อรอทาน อย่าพลาดมาชิมสักครั้งนะคะ

2. อยากทานโอเด้งขาหมูอร่อยๆ ต้องที่ร้าน “โอเด้งโทได” (Oden Todai)

photo by tarami609   /   embedded from Instagram

ในวันที่อากาศหนาวเย็นนั้นเหมาะกับการกิน “โอเด้ง” เป็นที่สุด แต่ที่โอกินาว่านั้นไม่เป็นเหมือนทุกภาคของญี่ปุ่นที่จะรับประทานเฉพาะฤดูหนาว อากาศที่นี่มีอุณหภูมิต่ำสุดประมาณ 17 องศาในเดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ แต่ถึงแม้ในเดือนอื่นที่อากาศร้อนระอุ คนโอกินาว่าก็รับประทานโอเด้งได้ตลอดทั้งปี

“โอกินาว่าโอเด้ง” มีส่วนผสมพิเศษแตกต่างจากที่อื่น รายละเอียดปลีกย่อยอาจแตกต่างตามแต่ละร้าน และสิ่งหนึ่งที่ทุกร้านต่างมีเหมือนกันคือใส่ “เทะบิจิ” หรือขาหมูลงไปต้มในโอเด้ง นอกจากนั้นยังนิยมใส่ผักใบเขียว จำพวกคะน้าโคะมัทสึ เลคตัส เป็นต้น

หากคุณอยากลิ้มลองรสชาติของโอกินาว่าโอเด้ง เรามีร้านที่ไม่อยากให้คุณพลาดชิม คือร้าน “โอเด้งโทได” ที่เปิดบริการมากว่า 60 ปีแล้ว ร้านนี้เด่นที่เคี่ยวขาหมูเป็นเวลาหลายชั่วโมง จนได้โอเด้งที่อุดมไปด้วยคอลลาเจน จนสาวๆต้องร้องว้าวกันเลยทีเดียว ! นอกจากนี้ยังมีเมนู “ขาหมูย่าง” ที่ลูกค้าต่างถามหากันเกินครึ่งเลยทีเดียว

3. ร้านเสต็กนานาชนิดต้องที่ “ร้านสเต๊กเฮาส์ 88″ (Steakhouse 88)

photo by shigetoooo   /   embedded from Instagram

ถ้าเทียบกับจังหวัดอื่นแล้ว โอกินาว่าได้ชื่อว่าเป็นจังหวัดที่มีร้านเสต็กมากเป็นอันดับต้นๆของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งอาจเป็นผลพวงมาจากการที่อยู่ใต้อาณานิคมของอเมริกามา เลยมีร้านเสต็กที่มีชื่อเสียงและเปิดบริการมาอย่างยาวนาน คนที่นี่เมื่อดื่มสังสรรค์กันจนดึกดื่นจะไม่ปิดท้ายด้วยการรับประทานราเมงเหมือนที่อื่น แต่กลับชักชวนกันไปทานเสต็กเสียมากกว่า

ที่โอกินาว่าแห่งนี้ ถึงแม้ท่านจะไม่ชอบการดื่มแต่ก็สามารถเพลิดเพลินกับรสชาติของร้านเสต็กที่มีชื่อเสียง ของ “ร้านสเต๊กเฮาส์ 88″ ที่เปิดบริการมายาวนานตั้งแต่ปี 1955 มีเมนูเสต็กหลากหลายให้เลือกสรร ตั้งแต่ทีโบนเสต็ก เทนเดอร์ลอยด์ เสต็กหมู หรือมีแม้กระทั่งเสต็กเนื้อแฮมเบอร์เกอร์ ซึ่งแต่ละเมนูจะมาพร้อมกับซุป สลัด ข้าวหรือขนมปัง จัดเป็นเซ็ตเต็มอิ่ม

นอกจากนี้ยังมีเมนูอื่นๆที่เหมาะกับการพาครอบครัวมาทาน เช่น ผัดมะระโกยะจัมปุรุ องุ่นทะเล กระเทียมโทนรัคเคียว และอาหารพื้นบ้านอื่นๆ สาขาหลักของร้านนี้ตั้งอยู่ที่ย่านสึจิ เมืองนาฮะ และยังมีสาขาที่ย่านช้อปปิ้งสตรีทถนนนานาชาติโคะคุไซ โดริอีกด้วย ซึ่งหลังรังประทานเสต็กอร่อยๆแล้วก็เตรียมตัวตะลุยช้อปปิ้งซื้อข้าวของกันต่อได้เลย !

4. โอกินาว่า เทมปุระสาหร่ายโมซุกุ ของขึ้นชื่อเมืองโอกินาว่าต้องที่ “ร้านนากะโมโตะ เซนเกียะ เทมปุระ” (Nakamoto SengyoTenpura)

photo by natsumixxxxx   /   embedded from Instagram

จังหวัดโอกินาว่าได้ชื่อว่าเป็ฯแหล่งผลิตสาหร่ายโมซุกุมากถึงร้อยละ 99% ของประเทศญี่ปุ่น สาหร่ายชนิดนี้ส่วนมากจะนิยมนำมาทำเป็นสลัดราดด้วยน้ำส้มสายชู แต่ชาวเมืองท้องถิ่นโอกินาว่าจะนิยมปรุงโดยใส่ในซุปมิโซะ สลัด และเทมปุระเสียมากกว่า ซึ่งเทมปุระสาหร่ายโมซุกุนี้สามารถหาทานได้ง่าย เป็นที่นิยมทั้งของชาวเมืองและนักท่องเที่ยวทั่วไป

ที่ย่านโอะชิมะ ภาคใต้ของเมืองนันโจ ที่ตั้งอยู่ในเกาะหลักของจังหวัดโอกินาว่านั้นได้ชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตสาหร่ายโมซุกุที่สำคัญ ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นเกาะ แต่เมืองแห่งนี้มีสะพานจากเกาะหลัก ทำให้การเดินทางไปเยือนนั้นแสนสะดวกสบาย นอกจากนี้รสชาติของเทมปุระของโอกินาว่ายังแสนอร่อยด้วยตัวแป้งที่หนา กรอบนอกนุ่มใน เพียงคำแรกที่กัดก็สัมผัสได้ถึงความหวานที่แผ่ซ่านกระจายทั่วปาก เป็นลักษณะพิเศษที่หาทานจากที่ไหนไม่ได้ นอกจากที่เกาะโอกินาว่าแห่งนี้

ในเกาะแห่งนี้มีร้านเทมปุระหลายร้าน แต่ที่อยากให้ไปลองคือ “ร้านนากะโมโตะ เซนเกียะ เทมปุระ” ซึ่งขายเทมปุระด้วยราคาแสนถูก สนนราคาเพียงชิ้นละ 65 เยนเท่านั้น แถมร้านนี้ยังหนาแน่นไปด้วยลูกค้าที่ต่างมายืนต่อแถวรอรับประทานแม้ในวันธรรมดา คุ้มค่าต่อการมาชิมจริงๆ นอกจากเทมปุระสาหร่ายโมซุกุแล้ว ยังมีเทมปุระสาหร่ายอาสะ เทมปุระปลาหมึก และเทมปุระมันเทศม่วงญี่ปุ่น ให้คุณลิ้มลองอีกด้วย

5. อาหารขึ้นชื่อท้องถิ่น ซุปกระดูกหมูต้องที่ “ร้านอาจิโดโคโระ มารุนากะ” (Ajidokoro Marunaga)

photo by gastani   /   embedded from Instagram

ถ้าพูดถึงวัฒนธรรมการรับประทานซุปของชาวเมืองโอกินาว่านั้นมีมากมายเกินที่จะสาธยายหมด อาทิเช่น ซุปมิโซะ ซุปไส้อ่อนหมู ซุปเนื้อแพะ ซุปงูทะเล ซุปปลาปักเป้า ซุปสาหร่ายอาสะเป็นต้น แต่ซุปที่มีชื่อเสียงและได้รับการกล่าวขวัญถึงอยู่บ่อยๆทั้งจากคนนอกพื้นที่และในรายการทีวี คือซุปกระดูกหมู

ที่โอกินาว่านั้น น้ำซุปที่เป็นเบสของโซบะทำมาจากกระดูกหมู ซึ่งนำไปใช้แต่น้ำซุปที่เคี่ยวแล้ว ส่วนกระดูกหมูที่ยังมีเนื้อติดอยู่นั้นกลับทิ้งไป ซึ่งเนื้อส่วนนี้ถือเป็นอาหารรสชาติโอชะครั้นจะทิ้งไปก็เสียดาย จึงเป็นที่มาของ “ซุปกะดูกหมู” ปัจจุบันมีหลายร้านที่ขายซุปนี้โดยเฉพาะ และรสชาติก็แตกต่างกันไปในแต่ะร้าน จะลองเข้าร้านโน้นออกร้านนี้ ชิมให้ทั่วถึงก็เป็นการเดินทางที่เพลิดเพลินของกระเพาะอาหาร

หากใครที่อยากรับประทานซุปกระดูกหมูที่อร่อยถึงใจ เราขอแนะนำ ““ร้านอาจิโดโคโระ มารุนากะ” ที่มีซุปกระดูกหมูติดเนื้อ ที่เคี่ยวหลายชั่วโมงพร้อมผักและเครื่องเทศหลากชนิด ทั้งผักกาดหอม ขิงขูด เป็นต้น แถมยังเต็มอิ่มด้วยเนื้อติอกระดูกเต็มคำ ที่ไม่ใช่เพียงอาหารรองท้องทั่วไป แต่น่าเสียดายที่ร้านทำจำนวนจำกัดเพียง 20 ที่ต่อวันเท่านั้น หากใครไม่อยากพลาดแนะนำว่าให้ไปรอตั้งแต่ก่อนเปิดร้าน

6. ของฝากมีชื่อของเมืองโอกินาว่า “ขนมอายุมิ โนะ ซาตะอันดะกี้” (Ayumi no Sata Andagi)

photo by wendy_freddy   /   embedded from Instagram

ขนมของฝากเมืองโอกินาว่าที่ขึ้นชื่อและรู้จักกันอย่างแพร่หลายคือ “ขนมอายุมิ โนะ ซาตะอันดะกี้” ซึ่งมีความหมายตรงตัวแปลว่าขนมแป้งน้ำตาลทอด โดยซาตะแปลว่าน้ำตาล อันดะแปลว่าน้ำมัน ส่วนอากี้แปลว่าของทอด ซึ่งจะซื้อมารับประทานระหว่างการท่องเที่ยวที่โอซาก้าก็ดี หรือจะซื้อหาเป็นของฝากก็เหมาะมากเพราะเก็บไว้ได้นานถึง 10 วัน

ร้านตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ของตลาดชุมชนมากิชิที่หนึ่ง (First Makishi Public Market) ซึ่งหากคุณมีโอกาสไปท่องเที่ยวแถวนี้ห้ามพลาดมาชิมรสชาติของเจ้าขนมที่ทำมาจากแป้งสาลี ไข่แดง นม และน้ำตาล ซึ่งเป็นขนมหน้าตาธรรมดาแต่รสชาติอร่อยมาก ทานได้ไม่เบื่อ แถมยังมีเคล็ดลับความหอมหวานโดยใช้พีนัทบัตเตอร์มาเป็นส่วนผสมอีกด้วย ร้านนี้ถือว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก หากใครไม่อยากพลาดแนะนำว่าให้รีบออกมาตั้งแต่ช่วงร้านเปิด เพราะทำจำนวนจำกัดในแต่ละวัน หมดแล้วหมดเลย !

7. ข้าวทาโก้ไรซ์ไซต์บิ้กเบิ้มดึงดูดลูกค้าที่ “ร้านคิงส์ทาคอส” (King Tacos)

photo by makyo20   /   embedded from Instagram

ข้าวทาโก้ไรซ์สไตล์โอกินาว่านั้นหาทานที่อื่นได้ยากมาก เพราะที่นี่จะมีเอกลักษณ์ของข้างทาโก้ไรซ์ที่ไม่เหมือนใคร เปิดบริการครั้งแรกโดย “ร้านปาระเซ็นริ” ที่ตั้งอยู่ในย่านคินโจว ภาคกลางของเกาะหลักโอกินาว่า ก่อตั้งขึ้นในปี 1984 โดยคุณกิโบะ มัทสึโซ ซึ่งเป็นผู้รังสรรเมนูทาโก้ไรซ์นี้

ด้วยที่ตั้งร้านที่อยู่ใกล้บริเวณค่ายทหารแฮนเซนของกองทัพอเมริกา จึงมีความคิดที่จะขายอาหารที่ราคาถูกและมีปริมาณมากเพื่อบริการลูกค้าหลักที่เป็นทหาร โดยเมนูที่ได้รับความนิยมจากทหารอเมริกันคือทาคอส เจ้าของร้านจึงเกิดไอเดียใหม่นำทาคอสมาราดลงบนตัวข้าว เรียกว่าทาโก้ไรซ์ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายไปทั่วทั้งหมู่เกาะโอกินาว่า

เป็นที่น่าเสียดายว่าต้นตำรับของข้าวทาโก้ไรซ์ของร้าน “ปาระเซ็นริ” ได้ปิดบริการไปตั้งแต่ปี 2015 แต่รสชาติความอร่อยของเมนูนี้ยังถูกถ่ายทอดมาถึงปัจจุบัน โดยหาทานได้ที่ร้าน “คิงส์ทาคอส” ที่เปิดบริการอยู่ที่ตอนกลางของเกาะหลักโอกินาว่า โดยมีสาขาหลักอยู่ที่ย่านคินโจว เนื่องจากอาหารจานนี้มีปริมาณล้นเหลือ เราขอแนะนำให้ไปรับประทานขณะท้องว่าง เพื่อทานให้เต็มอิ่ม ! หรือจะซื้อกลับแบบเทคเอ้าท์ก็มีบริการ

8. จัมปงสไตล์โอกินาว่าแสนอร่อยต้องที่ “ร้านโอะโชคุจิโดโคโระ มิคาโดะ” (Oshokujidokoro Mikado)

photo by kinchan25   /   embedded from Instagram

โดยปกติแล้วถ้าพูดถึง “จำปง” คนส่วนใหญ่จะนึกถึงบะหมี่จัมปงของขึ้นชื่อของเมืองนางาซากิ แต่ที่โอกินาว่านี้กลับนำเอาจัมปงมาราดลงบนข้าวสวยแทน ! โดยจัมปงที่ว่าจะนำผัก เนื้อหมูและราดด้วยไข่ผัดให้เข้ากัน โดยปรุงด้วยรสเข้มข้ม เป็นจัมปงสไตล์โอกินาว่า

หากคุณเป็นคนที่ชอบอาหารปริมาณมากแนะนำว่าให้มาที่ร้าน “โอะโชคุจิโดโคโระ มิคาโดะ” แล้วคุณจะไม่ผิดหวัง “จัมปง” ของที่นี่ใช้คอนบีฟฮัช (เนื้อบดผสมมันฝรั่ง) มาเป็นส่วนผสมด้วย แล้วยังเปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง หิวเมื่อไหร่ก็แวะมาฝากท้องได้ทุกเมื่อ! เป็นที่ชื่นชอบของชาวเมืองโอกินาว่าเองหรือแม้กระทั่งนักท่องเที่ยว ที่โดดเด่นด้วยการบริการฉับไว เข้าซื้อได้ง่าย หากคุณมีโอกาสมาเยือนที่โอกินาว่าครั้งใด อย่าพลาดมาลองรสชาติ

9. ถ้าจะทานข้าวปรุงรสจูชี่ ต้องที่ “ร้านอาหารคิชิโมโตะสาขาหลัก” (Kishimoto Shokudo Honten)

photo by jjaen___   /   embedded from Instagram

“จูชี่” หมายถึงข้าวปรุงรสที่หุงรวมกับวัตถุดิบต่างๆ เช่น แครอท เห็ดหอม เนื้อหมูสับ โดยใช้น้ำซุปหมูแทนน้ำหุงข้าว โดยมีวิธีทำที่ไม่ยากนัก รสชาติและการใช้วัตถุดิบ ความอ่อนแข็งของข้าวจะแตกต่างตามแต่ละร้าน จะลองเข้าไปชิมหลายๆร้านก็น่าสนุกไปอีกแบบ

คุณสามารถหา “จูชี่” อร่อยๆรับประทานได้ที่ร้านโอกินาว่าโซบะเจ้าดัง “ร้านอาหารคิชิโมโตะสาขาหลัก” ซึ่งเปิดบริการมาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่ปี 1905 เป็นต้นมา โดยจูชี่นั้นจะมารวมมาในเซ็ตโซบะ ขนาดใหญ่ และเล็กเท่านั้น รสชาติจะปรุงให้มีความหวานนิดๆ โดยใส่เนื้อหมู เห็ดหอม ต้นหอมญี่ปุ่น ที่เป็นเอกลักษณ์ความอร่อยของจูชี่ร้านนี้ที่อยากท้าให้คุณลิ้มลอง โดยจะทำมาจำนวนจำกัดเพียง 100 ที่ต่อวัน ขายหมดแล้วหมดเลย

10. ขนมถั่วแดงหวานเซนไซ ของพื้นบ้านเมืองโอกินาว่าต้องที่ “ร้านฟุจิยะ สาขาหลักโทะมาริ” (Fujiya Tomarihonten)

photo by yasutsuno   /   embedded from Instagram

ถ้าพูดถึง “เซ็นไซ” ในแบบญี่ปุ่นแล้ว แน่นอนว่าทุกคนต่างนึกถึงของหวานถั่วแดงร้อนๆ แต่ที่โอกินาว่าแห่งนี้กลับรับประทาน “เซ็นไซ” แบบเย็นในช่วงฤดูร้อน! ขนมหวานนี้ได้รับอิทธิพลมาจากไต้หวัน และประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่นำถั่วเขียวมาแช่เย็นทานแบบของหวาน แต่ที่โอกินาว่าแห่งนี้จะประยุกต์โดยการนำถั่วแดงและเมล็ดข้าวบาร์เลย์มาทำเป็นของหวานราดลงบนน้ำแข็งใส

ขนมเซ็นไซสไตล์โอกินาว่าได้รับความนยมเป็นอย่างมาก ถึงกับมีร้านขนมหวานแนวนี้โดยเฉพาะ โดยวิธีการทำนั้นใช้น้ำตาลทรายแดงที่มีรสหวานมาต้มรวมกับถั่วแดงและก้อนโมจิ โปะลงบนน้ำแข็งใสให้รสหวานเย็นชื่นใจในแบบโอกินาว่า นอกจากนี้ยังมีแบบที่นำไอศกรีมและผลไม้มาเป็นท้อปปิ้งใส่ลงไปในน้ำแข็งใสอีกด้วย

การหารับประทานก็ง่ายดาย โดยนักท่องเที่ยวสามารถมาลองชิมเจ้าขนมหวานนี้ได้ที่ “ร้านฟุจิยะ สาขาหลักโทะมาริ” ที่มีส่วนผสมลงตัวของถั่วแดงต้มน้าตาลและโปะด้วยแป้งโมจิชิ้นพอดีคำลงบนน้ำแข็งใส ให้รสชาติอร่อยลงตัวเป็นอย่างมาก หลังรับประทานอาหารหลักเช่น ทาโก้ไรซ์ หรือนิคุโซบะที่เป็นเมนูอาหารของทางร้านแล้ว อย่าลืมปิดท้ายด้วยของหวานรสอร่อย “โอกินาว่าเซ็นไซ” ที่จะทำให้คุณประทับใจจนอยากมาทานซ้ำ

มาเพลิดเพลินไปกับอาหารพื้นเมืองของโอกินาว่ากันเถอะ!

มีเมนูที่ชอบกันบ้างหรือเปล่า? นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของอาหารโอกินาว่าที่เรานำมาแนะนำเพียงเท่านั้น หากจะรับประทานทั้งหมดที่มีคงเป็นเรื่องยาก แต่คุณสามารถจัดการเวลาได้อย่างสบายๆโดยเข้าไปร้านที่เราแนะนำ รับรองว่าคุณจะไม่ผิดหวังในรสชาติอย่างแน่นอน แถมเป็นร้านดังๆทั้งนั้น จะนำไปพูดอวดใครๆก็ย่อมได้ หากคุณมีทริปมาที่โอกินาว่าครั้งใด อย่าลืมหาเวลาไปทานกันนะคะ