10 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวในชินจูกุ (Shinjuku)กรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น แนะนำจุดทัวร์โดยชาวญี่ปุ่น!

ชินจูกุ(Shinjuku) ถูกขนานนามว่าเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับใหล สำหรับคนญี่ปุ่นแล้วมันเป็นมากกว่าสถานที่ท่องเที่ยว เพราะมันเป็นสถานที่สำหรับท่องราตรีทั้งยังได้เป็นย่านธุรกิจสำหรับพนักงานออฟฟิศ แต่จริงๆแล้วยังมีสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆอีกมากมาย เช่น “คาบุกิโจ”ที่มีชื่อเสียงว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยามราตรีที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น และมีสวนขนาดใหญ่ที่ชื่อ”ชินจุกุเกียวเอน” ซึ่งมีความยาวไปจนถึงชิบุย่า และในครั้งนี้หากท่านมีโอกาสได้มาเยือนย่านชินจุกุแล้ว ขอแนะนำสถานที่เที่ยว ที่ไม่ควรพลาด

1. “ที่ว่าการชินจุกุ” ที่สามารถจะมองเห็นจุดสำคัญต่างๆในใจกลางเมือง

หากท่านได้มาเยือนชินจุกุแล้วก็คงอยากจะเห็นจุดที่เป็นสัญลักษณ์ของชินจุกุสักครั้งใช่ไหม
“ตึกที่ว่าการชินจุกุ” มีความสูง 243เมตรจากพื้นดิน และในตัวตึกก็จะเป็นสถานที่ปฎิบัติงานของข้าราชการแผนกต่างๆของกรุงโตเกียว สำหรับบุคคลธรรมดาแล้วก็สามารถเข้าไปชมวิวทิวทัศน์ได้ที่บริเวณจุดชมวิวในระดับความสูง 202เมตร ซึ่งสามารถเข้าชมได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

จากบริเวณจุดชมวิวในตึกที่ว่าการชินจุกุ ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือจะมองเห็นโตเกียวสกายทรี ทิศตะวันออกเฉียงใต้ก็จะมองเห็นโตเกียวทาวเวอร์ ทิศตะวันตกมองเห็นภูเขาไฟฟูจิ จะเห็นได้ว่าท่านจะสามารถมองเห็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศญี่ปุ่นได้มากมายหลายที่จากจุดชมวิวนี้ ถือว่าเป็นจุดที่สามารถมองเห็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ หากท่านได้มาเยือนชินจุกุแล้วก็อย่าลืมแวะมาเยี่ยมชมสักครั้ง

2. ”สวนสาธารณะชินจุกุชูโอโคเอน” ที่มีศาลเจ้าคุมาโนะซึ่งเป็นเจ้าที่ปกป้องคุ้มครองชินจุกุ

■ข้อมูลพื้นฐาน
ชื่อ：ชินจุกุชูโอโคเอน
ที่อยู่：โตเกียว ชินจุกุ นิชิชินจุกุ 2-11
TEL：03-3342-4509
วันหยุด：ไม่มี
ค่าเข้าชม：ฟรี
การเดินทาง：เดินจากสถานีรถไฟชินจุกุ10 นาที
HP：http://parks.prfj.or.jp/
MAP：ชินจุกุชูโอโคเอน

3. “ชินจุกุเกียวเอน” สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่ยาวไปถึงชิบุยะ

photo by hibiki_kyou   /   embedded from Instagram

สวนสาธารณะที่ใหญ่และมีต้นไม้เยอะที่สุดในย่านชินจุกุ ”ชินจักุเกียวเอน” ในสมัยเอโดะเป็นคฤหาสน์อยู่อาศัยของขุนนางผู้ใหญ่ หลังจากสงครามโลกครั้งที่2ได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชม และในปัจจุบันได้กลายเป็นอุทยานแห่งชาติและแน่นอนว่าได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากคนในท้องที่และนักท่องเที่ยวทั่วไป

ในต้นเดือนเมษายนของทุกๆปี นายกรัฐเตรีจะเป็นเจ้าภาพจัดงาน”เทศกาลชมดอกซากุระ” และในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนก็จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมให้จัดงาน

“เทศกาลชมดอกเบญจมาศ” ชื่อของสวน”ชินจุกุเกียวเอน” เป็นชื่อที่เก่าแก่มากว่าร้อยปีและมีแผนการที่จะฉลองครบรอบร้อยปีโดยการสร้างศูนย์คุ้มครองสัตว์ใกล้สูญพันธ์ขึ้นในสวนแห่งนี้ ชินจุกุเกียวเอนในช่วงฤดูใบไม้ผลิดอกซากุระจะสวยงามเป็นอย่างยิ่ง สวนสาธารณะแห่งนี้เป็นสวนขนาดใหญ่เริ่มตั้งแต่ชินจุกุทอดยาวไปถึงชิบุยะ สำหรับการเดินเที่ยวแล้วนั้นที่นี่ก็ถือว่าเป็นสถานที่ ที่น่าไปไม่ใช่น้อย

4. “ศาลเจ้าฮานะโซโนะ” คึกครื้นไปกับงานประเพณี

ศาลเจ้าฮานะโซโนะตั้งอยู่ในสวนสาธารณะชินจุกุชูโอโคเอน ศาลเจ้าฮานะโซโนะก็เป็นอีกหนึ่งเทพเจ้าที่ดูแลปกป้องคุ้มครองย่านชินจุกุเช่นเดียวกันกับศาลเจ้าคุมาโนะ ในสมัยเอโดะย่านนี้มีโรงแรมที่พักมากมายจึงเรียกว่า”ไนโตชินจุกุ” ซึ่งศาลเจ้าแห่งนี้ก็มีมาก่อนหน้านั้น แต่ไม่ชัดเจนว่าสร้างขึ้นทำไม แต่ว่ามีความเก่าแก่และยาวนานมาก

ในสมัยเอโดะมี4ย่านที่มีโรงแรมที่พักที่มีชื่อเสียง เช่น ชินากาว่า อิตาบาชิ เซนจุ แล้วก็ที่นี่ ไนโตชินจุกุ และตอนนั้นศาลเจ้าฮานะโซนะจะตั้งอยู่ถัดไปจากสถานที่ตั้งปัจจุบันประมาณ 250เมตร ในสมัยคันเซได้มีการสร้างคฤหาสน์ของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ขึ้น คนทั่วไปจึงไม่สามารถเข้าไปกราบไหว้ขอพรได้ จึงได้มีการย้ายมาสร้างยังที่ปัจจุบัน

ศาลเจ้าฮานะโซโนะมีการจัดงานประเพณีขึ้นบ่อยๆ สามารถมาชมงานประเพณีที่นี่ได้

5. “วัดเซนโกกุ” มีชื่อเสียงเพราะมีเทพเจ้าบิชะโมงประดิษฐานอยู่

เทพเจ้าบิชาโมงเป็นเทพเจ้าที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก อยู่ที่ชินจุกุคากุระซากะ ถ้าพูดถึงคากุระซากะก็ต้องนึกถึงเทพเจ้าบิชาโมง ถ้าพูดถึงเทพเจ้าบิชาโมงก็ต้องนึกถึงคากุระซากะ ซึ่งเทพเจ้าบิชาโมงที่มีชื่อเสียงโด่งดังขนาดนี้ ประดิษฐานอยู่ที่ “วัดเซนโซกุ”

ในสมัยเซนโกกุ ซามุไรชื่ออุเอะสึกิ เคนชิน เป็นซามุไรมีชื่อเสียง ได้ให้ความเคารพเลื่อมไสยในเทพเจ้าบิชาโมงเป็นอย่างมาก จึงทำให้เทพเจ้าบิชาโมงมีชื่อเสียงและเป็นที่เลื่อมไสยศรัทธาตั้งแต่นั้นมา เทพเจ้าบิชาโมงได้รับความเลื่อมไสยศรัทธาเป็นอย่างมากจากคนญี่ปุ่น ซึ่งประดิษฐานอยู่วัด3แห่ง ได้แก่ วัดโชเดนที่ชิบะ วัดโชโฮที่อะซากุซะ แล้วก็ที่วัดเซนโกกุ

เทพเจ้าบิชาโมงที่วัดเซนโกกุ เป็นทรัพสินทางวัฒนธรรม ทำจากไม้ มีความสูง 30เมตร โดยปกติแล้วจะมีฉากม่านกั้นไม่สามารถมองเห็นได้ ในอดีตมีความเชื่อว่า เทพเจ้าบิชาโมง ได้มาปรากฎในวันเสือ เดือนเสือ ปีเสือ ก็เลยถือปฎิบัติสืบมาโดยการที่ทุกปีในวันเสือของเดือนมกราคม เดือนพฤษภาคม และเดือนกันยายน จะมีการเปิดม่านที่กั้นไว้ออกให้ประชาชนได้ดู อย่าพลาดโอกาสดีๆที่จะได้ชม

6. “ศาลเจ้าอินาริคิโอ” มีเทพเจ้าซึ่งเป็นยักษ์แห่งความโชคดีประดิษฐานอยู่

photo by miyan_313   /   embedded from Instagram

ในประเทศญี่ปุ่นชื่อของเทพเจ้าที่มีคำว่ายักษ์(โอนิ)อยุ่ในชื่อนั้น มีที่นี่ที่เดียว และเป็นเทพเจ้ายักษ์ที่ให้พรในเรื่องของความโชคดี จึงทำให้ศาลเจ้าแห่งนี้มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก และในปัจจุบันก็มีเทพเจ้ายักษ์ที่นี่ที่เดียว

ถึงแม้ชื่อจะมีคำว่ายักษ์แต่ก็ไม่ได้ศรัทธาในตัวยักษ์ ศาลเจ้าแห่งนี้จะมีความศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องการขอพรเกี่ยวกับสุขภาพ โดยเฉพาะทางวด้านโรคผิวหนัง มีความเชื่อว่าใช้ของเครื่องรางมาถูที่ผิวหนังแล้วจะหายจากอาการป่วย นอกจากนี้ในศาลเจ้าแห่งนี้ก็ยังมี ศาลเจ้ามิชิมะ ซึ่งมีเทพเจ้าเอะบิซึประดิษฐานอยุ่ด้วย

7. “อิจิกะย่าคาเมะโอกะฮะจิมังกู” สร้างโดยขุนนางชื่อโอตะ โดกัง

photo by amuro_franc   /   embedded from Instagram

“อิจิกะย่าคาเมะโอกะฮะจิมังกู” ถูกสร้างขึ้นในสมัยมูโรมาจิ โดยขุนนางชื่อโอตะ โดกัง สร้างขึ้นในช่วงที่สร้างปราสาทเอโดะ ศาลเจ้าแห่งนี้ถูกแยกตัวมาจากสึรุโอกะฮะจิมังกูที่คามากุระดังนั้นชื่อก็มีคำว่าฮะจิมังกูเหมือนๆกัน ความหมายของฮะจิมังก็คือทางเดินที่มีธงประดับตกแต่งเรียงรายเป็นทางเดินของเทพเจ้านั่นเอง

ศาลเจ้าแห่งนี้มีชื่อเสียงด้านความเก่าแก่ยาวนาน และยังเป็นศาลเจ้าที่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้ามาขอพรด้วย หากท่านนำสัตว์เลี้ยงมาด้วยจะต้องทำการจองล่วงหน้าด้วย ซึ่งเป็นข้อแตกต่างที่ศาลเจ้าแห่งอื่นไม่อนุญาต

8. หนึ่งแหล่งท่องเที่ยวยามราตรีที่ดังที่สุดของญี่ปุ่น”ชินจุกุคาบุกิโจ”

แหล่งท่องราตรีที่ดังที่สุดของญี่ปุ่นคือชินจุกุคาบุกิโจ มีทั้งร้านคาบาเร่ ทั้งร้านนั่งดื่มเยอะแยะมากมาย และเมื่อไม่นานมานี้ มีสถานที่แปลกๆที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก เช่น โชว์โรบอท ที่”ร้านอาหารโรบอท” มีทั้งพิพิธภัณฑ์ซามุไรทและสามารถลองแต่งชุดซามุไรได้อีกด้วย

มีทั้งร้านคาราโอเกะ ร้านอาหาร ร้านเหล้ามากมาย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการท่องเที่ยวยามค่ำคืน ขอแนะนำสำหรับนักย่ำราตรีไม่ควรพลาดที่นี่อันขาด

9. บรรยากาศเหมือนตอนต้นของปีโชวะ ”ความทรงจำของซอยชินจุกุนิชิกุจิ”

ใกล้ๆทางออกชินจุกุนิชิกุจิ (ซอยใต้ทางรถไฟ) จะเป็นซอยที่มีร้านนั่งดื่ม และร้านอาหารต่างๆมากมาย และที่มาของชื่อ ”ความทรงจำของซอยชินจุกุนิชิกุจิ” ก็คือบรรยากาศที่คล้ายคลึงกับบรรยาการของตลาดมืดในช่วงหลังสงครามโลก ซึ่งบรรยากาศทำให้หวนคิดถึงเรื่องราวในอดีตเลยทำให้ได้รับความนิยมจากคนญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก ในโตเกียวสถานที่ท่องเที่ยวที่มีในช่วงสมัยเอโดะจะมีหลายๆสถานที่

แต่สถานที่ท่องเที่ยวของสมัยโชวะจะไม่ค่อยมีมากนัก ไม่จำเป็นต้องไปนั่งร้านอาหาร แค่เดินผ่านก็จะสัมผัสถึงบรรยากาศสมัยโชวะได้ดี ถ้าอยากจะสัมผัสถึงบรรยากาศในช่วงสมัยโชวะว่าเป็นอย่างไร ก็ไม่ควรพลาดที่จะไปสัมผัสด้วยตัวคุณเอง

10. ”ชินโอคุโบโคเรียทาวน์” ออกจากสถานีรถไฟก็ถึงเลย

photo by daisuke._.sato   /   embedded from Instagram

ออกจากสถานีชินโอคุโบก็จะเจอถนนโอคุโบ สองข้างทางก็จะเป็นร้านรวงต่างๆของเกาหลี เหมือนกับเป็นเมืองของเกาหลีเลย ด้วยเหตุนี้ ในย่านนั้นจึงถูกเรียกว่า ชินโอคุโบโคเรียทาวน์

ร้านเกาหลีมีขายทุกๆอย่าง เช่น แน่นอนว่าต้องมีร้านอาหารเกาหลี ร้านซุปเปอร์เกาหลี ตลาดสดโซล ร้านขายเครื่องสำอางค์เกาหลีชือสกินการ์เด้น เป็นต้น ไปเที่ยวญี่ปุ่นแถมเหมือนได้ไปเที่ยวเกาหลีในตัว ไปเที่ยวชินโอคุโบกันเถอะ

มาเที่ยวชินจุกุกันเถอะ!

เป็นอย่างไรบ้าง ชินจุกุคาบุกิโจมีชื่อเสียงสำหรับเที่ยงกลางคืน แต่จริงๆแล้ชินจุกุก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆอีกมากมายให้ได้มาเที่ยวกัน ในหนึ่งวันก็อาจจะเที่ยวได้ครบทุกที่ในชินจุกุ อาหารอร่อยๆก็มีหลากหลายให้ได้ชิม ขอให้เพลิดเพลินกับการรับประทานของอร่อยๆของญี่ปุ่นที่ชินจุกุ