【อันดับร้านอาหารยอดนิยมในคิวชู, ประเทศญี่ปุ่น】บประกันความอร่อยโดยชาวญี่ปุ่น!!

แต่ละจังหวัดในภูมิภาคคิวชูล้วนมีของอร่อยประจำถิ่นอันเป็นที่ภาคภูมิใจอยู่มากมาย ที่มีชื่อเสียงมากเป็นพิเศษได้แก่ นางาซากิจัมปอง และฮาคาตะราเม็ง และยังมีอีกหลายเมนูที่เราอยากจะเก็บเอาไว้เป็นความลับ แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ หากคุรไว้แวะเวียนมาที่คิวชูเราก็อยากให้คุณได้ชิมของอร่อยๆ ก่อนกลับไป! ดังนั้นเราจะขอนำเสนอ 10 อันดับของอร่อยประจำคิวชูให้คุณได้เอาไว้อ้างอิงและแวะไปชิมหากมีโอกาส!

1. [ฟุคุโอกะ] ”หนังไก่” รสชาติดั้งเดิมที่รักษาเอาไว้ไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ตั้งร้านจนถึงปัจจุบันของร้านหนังไก่ทาคาระยะ

photo by bananai0714   /   embedded from Instagram

ผู้คนที่มาเที่ยวฟุคุโอกะมักจะอิ่มหนำไปด้วยอาหารมากมายเช่น ร้านแผงลอย, มตสึนาเบะ, มิซุทาคิ หรือฮาคาตะราเม็ง ฯลฯ คุณเองก็น่าจะเป็นหนึ่งในนั้นใช่ไหม? แต่รู้หรือไม่ว่า ที่จริงแล้วมีร้าน “หนังไก่” ที่คนในท้องถิ่นมักจะไปกินดื่มอยู่ด้วยนะ? หนังไก่ของร้านนี้แตกต่างจากหนังไก่ของร้านไก่ย่างทั่วไปอยู่ตรงที่ จะพันหนังไก่เข้ากับไม้ เอาไปย่าง แล้วพักไว้ก่อนจะเอามาย่างอีกทีแล้วจึงเสิร์ฟ จึงมีชั้นตอนมากกว่าที่อื่นๆ กว่าจะได้ออกมาแต่ละไม้นั้นอาจใช้เวลา 3 – 7 วันแล้วแต่สาขาเลยทีเดียว

ใจกลางเมืองของฟุคุโอกะมีร้านที่เชี่ยวชาญด้านหนังไก่อยู่มากมาย และราคาของทุกร้านจะอยู่ที่ประมาณ 100 เยนต่อไม้ ปกติแล้วจะรับออเดอร์ทีละ 10 – 20 ไม้ โดยในร้านหนังไก่ที่มีอยู่มากมายนั้น เราอยากจะขอแนะนำร้าน “หนังไก่ ทาคาระยะ” ซึ่งใช้น้ำจิ้มสำหรับ “ย่างหนังไก่” รสชาติดั้งเดิมมาตั้งแต่เปิดร้าน และยังมี “หนังไก่หมักเกลือ” ที่ใช้เกลือชั้นดีที่เจ้าของร้านคัดสรรมาอย่างตั้งใจทำให้ได้รสชาติความอร่อยแท้ๆ ของหนังไก่ด้วย ลองสั่งหนังไก่แบบจิ้มน้ำจิม 10 ไม้ หมักเกลือ 10 ไม้ พร้อมเบียร์เย็นๆ สักแก้วมากินและดื่มให้เต็มที่ไปเลยดูหน่อยไหม?

2. [นางาซากิ] รสชาติของร้านดังบนหมู่เกาะโกะโท! ”โกะโทอุด้ง” ของร้านเส้นสดตรงจากโรงงานมาสุดะ จิคุซุยเท

photo by suyadehi   /   embedded from Instagram

จังหวัดนางาซากิเป็นจังหวัดที่มีเกาะอยู่มากที่สุดในญี่ปุ่น รวมเกาะทั้งที่มีคนอยู่และไม่มีคนอยู่ได้ถึง 971 เกาะ แต่ละเกาะต่างมีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมการกินที่แตกต่างกันไป 1 ในนั้นคือโกะโทอุด้งของหม่เกาะโกะโท ที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่กล่าวกันว่าเริ่มมาตั้งแต่ยุครางวงศ์ถังโดยมีฑูตที่ไปจีนเป็นผู้นำเข้ามา จึงมีประวัติยาวนานกว่า 1,000 ปี วิธีการกินโกะโทอุด้งที่เป็นเอกลักษณ์คือ “จิโกคุทาคิ” (หุงนรก) ที่ต้มเส้นในหม้อใส่น้ำร้อนเดือดขนาดใหญ่ แล้วกินกับน้ำซุปปลาอะยุและไข่ดิบ ชื่อจิโกคุทาคิเองเป็นชื่อที่แปลก กล่าวกันว่ามีที่มาจากการฟังคำชมของนักเดินทางผิดทำให้ได้ชื่อนี้มา โกะโทอุด้งมีจุดเด่นคือเส้นที่เหนียวลื่นเด้งสู้ฟัน

จิคุซุยเทคือร้านที่เราอยากแนะนำให้คุณลองไปชิม “จิโกคุทาคิ” เพราะร้านแห่งนี้รับเส้นมาโดยตรงจากโณงงานผลิตเส้นมาสุดะ และลงทะเบียนชื่อ “จิโกคุทาคิ” เป็นลิขสิทธิ์ของทางร้านเอาไว้ สามารถแวะไปทัศนศึกษาชมโรงงานผลิตเส้นได้ด้วย โดยผู้ที่มาทัศนศึกษาจะได้ชิมเมนูพิเศษ จึงควรค่าที่จะแวะเวียนไปเที่ยวชมดูสักครั้ง หากอยากทัศนศึกษาโรงงานอย่างลืมเข้าโฮมเพจไปจองล่วงหน้าด้วยล่ะ!

3. [โออิตะ] ชิมปลาชั้นเลิศที่ตกได้จากอ่าวซากะโนะเซคิ! ”เซคิอาจิ และเซคิซาบะ” ที่ร้านเซคิอาจิ เซคิซาบะคัง

photo by mitsuuuu.m   /   embedded from Instagram

“เซคิอาจิ และเซคิซาบะ” คือปลามาอาจิและปลามาซาบะที่ชาวประมงในสมาคมชาวประมงโออิตะจับมาได้โดยการใช้เบ็ดตกที่ละตัวจากอ่าวซากะโนะเซคิ ซึ่งเป็นอ่าวที่มีกระแสน้ำทะเลเชี่ยวกราด ทำให้ปลามีขนาดใหญ่อ้วนกลมไขมันหยดติ๋ง เนื้อปลาเองก็แน่นกระชับเคี้ยวเพลิน! ปกติแล้วเซคิอาจิจะอร่อยที่สุดช่วงเดือนมีนาถึงตุลา ส่วนเซคิซาบะจะเป็นช่วงเดือนตุลาถึงมีนา ถึงจะหากินได้ในร้านอาหารทั่วไปในเมืองแต่เป็นปลาชั้นสูงที่มีราคาแพงมากทีเดียว

ทำให้เราอยากจะแนะนำร้าน “เซคิอาจิ เซคิซาบะคัง” ที่ร้านแห่งนี้เปิดชั้น 2 เป็นภัตตาคารให้คุณได้ชิมปลาในราคาย่อมเยาว์กว่าที่อื่น แถมยังมีวิวทิวทัศน์ที่งดงามมองน่านน้ำบุงโกะได้ทั่วทีเดียว ราคาของปลาเซคิอาจิและเซคิซาบะจะเปลี่ยนแปลงตามจำนวนที่จับมาได้ แต่ปกติแล้วจะมีราคาของอาหารชุดอยู่ที่ 2-3,000 เยน และยังมีเมนูปลาแสนอร่อยอื่นๆ อีกมากมายรอให้คนที่รักการกินปลาไปลิ้มลอง ส่วนที่ชั้น 1 จะเป็นร้านขายอาหารทะเลทั้งสดและแปรรูป รวมไปถึงส้มคาโบสุที่เป็นของดีจังหวัดโออิตะขายด้วย นอกจากกินปลาแล้วยังช็อปปิ้งได้แบบนี้ควรจะหาโอกาสไปให้ได้นะ!า

4. [คุมาโมโต้] รสชาติของร้านเก่าที่ที่เป็นที่รักของชาวเมืองมากว่า 200 ปี! ”อาหารเนื้อม้า” ของร้านสุกาโนะยะ

photo by happybangsday   /   embedded from Instagram

พูดถึงคุมาโมโต้ก็ต้องบะซาชิ หรือซาชิมิเนื้อม้า! คุมาโมโต้ผลิตเนื้อม้าสำหรับบริโภคมากเป็นอันดับ 1 ของญี่ปุ่น วัฒนธรรมการกินเนื้อม้ามีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 400 ปี กล่าวกันว่าคิโยมาสะ คาโต้ ขุนพลชื่อดังในสมัยสงครามก็กินเนื้อม้ามาก่อนเช่นกัน ใจกลางเมืองคุมาโมโต้ที่ร้านเนื้อม้าอยู่มากมาย แต่ที่เราอยากจะขอแนะนำคือร้าน “สุกาโนะยะ” ซึ่งเป็นร้านเก่าแก่ที่เริ่มจากการเป็นร้านบะซาชิตั้งแต่ปีค.ศ. 1789 และดำเนินกิจการเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ทางร้านมีฟาร์มเลี้ยงม้ากว้างขวางเกือบ 3 ล้านตารางเมตร เลี้ยงดูด้วยอาหารและน้ำที่ผลิตและควบคุมกันเองอย่างพิถีพิถัน การเลี้ยงและแปรรูปเนื้อม้าด้วยตนเองตั้งแต่ต้นทำให้เมนูของร้านนี้มีเนื้อส่วนที่หายากไว้ให้ได้ชิมกันด้วย แถมเนื้อม้ายังเป็นเนื้อที่มีโปรตีนสูงไขมันต่ำดีต่อสุขภาพ จะนำไปทำบะซาชิ, เนื้อย่าง, ซูชิ, หรือหม้อไฟก้ได้ทั้งนั้น

และที่เราอยากแนะนำให้ลองเป็นพิเศษคือ “ฮาริฮารินาเบะ” หม้อไฟเนื้อม้าที่ใส่ผักจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีเมนูยอดนิยมเช่น บะซาชิรวมมิตรเนื้อม้า 3, 5, 7 ส่วน หรือเนื้อม้าย่างหิน, ชาบูชาบู อีกด้วย แถมข้อมูลให้อีกหน่อยว่าบะซาชิรวมมิตรนั้นจะคัดเนื้อส่วนที่ดีที่สุดของแต่ละวันมาให้คุณได้ลิ้มรสกันนะ!

5. [มิยาซากิ] รสชาติในครัวเรือนที่คุ้นเคยกันมานาน! ”ฮิยาจิรุ” ซุปเย็นของร้านอาหารท้องถิ่น สุกิโนะโกะ

photo by y_saki_m   /   embedded from Instagram

“ฮิยาจิรุ” เป็นอาหารดั้งเดิมของมิยาซากิที่นิยมกินกันในช่วงฤดูร้อน ที่แม้ว่าอากาศจะร้อนจนไม่อยากกินอาหารสักแค่ไหน ถ้ามีฮิยาจิรุก็ช่วยให้กินข้าวได้คล่องคอ หลายๆ คนอาจจะคิดว่ามันคือ “ซุปมิโสะแบบเย็นเหรอ?” แต่เปล่าเลย! มันคืออาหารที่นำมิโสะสาลีไปย่างแล้วผสมลงไปในซุปดาชิ จากนั้นจึงใส่เนื้อปลาอาจิหรืออิวาชิย่างลงไป ตามด้วยเต้าหู้, อาโอจิโสะ, แตงกวา, ข่า, งาบด ตามความชอบแล้วนำไปแช่เย็น ก่อนจะนำมาราดลงบนข้าวสวยร้อนก่อนกิน ขั้นตอนการทำง่ายดายแต่รสชาติอร่อยไม่น่าเชื่อ! เป็นอาหารในครัวเรือนของมิยาซากิที่ได้เข้าไปอยู่ในเมนูของภัตตาคารในจังหวัดเลยทีเดียวนะ

และร้านที่เราอยากจะแนะนำก็คือ ร้านอาหารท้องถิ่น สุกิโนะโกะ ที่เปิดร้านมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1970 ร้านนี้จะใช้วัตถุดิบจากในจังหวัดเพื่อทำอาหารให้ได้รสชาติสมเป็นจังหวัดมิยาซากิจริงๆ มื้อเที่ยงจะมี “อาหารชุดสุกิโนะ ชิกเก้นนัมบัง” ที่มีทั้งชิกเก้นนัมบังและฮิยาจิรุ 2 เมนูท้องถิ่นชื่อดังมาให้ชิมพร้อมกันในราคาสุดคุ้ม! ร้านแห่งนี้ยังเป็นผู้รับผิดชอบคิดเมนูให้กับ “นานาทสึโบชิ” รถไฟสำราญชื่อดังของคิวชูเป็นเครื่องการันตีรสชาติว่าจะต้องยอดเยี่ยมควรค่าแก่การมาชิม

6. [ซากะ] อาหารทะเลแสนอร่อยในภัตตาคารใต้ทะเลแห่งแรกของญี่ปุ่น! ”อิคิอิกะ” ของร้านแหล่งปลาในท้องทะเล มันโบ

photo by naikee.i   /   embedded from Instagram

อิคิอิกะ น่าจะเรียกได้ว่าเป็นของอร่อยที่มีชื่อที่สุดของจังหวัดซากะ พูดถึงอิกะ หรือหมึกกล้วยก็ต้องนึกถึงเมืองโยบุโกะ พูดถึงเมืองโยบุโกะก็ต้องนึกถึงอิกะ โยบุโกะได้ชื่อว่าเป็นแหล่งของหมึกกล้วยมาตั้งแต่ช่วงปีค.ศ. 1960 เนื่องจากมีร้านอาหารทำเมนูหมึกกล้วยเป็นๆ ออกมาและได้รับความนิยมจนร้านอื่นๆ เอาไปทำตาม จนถึงกับมีร้านอาหารเฉพาะทางของหมึกกล้วยในปัจจุบัน

หนึ่งในร้านที่คนในท้องถิ่นยอมต่อคิวเพื่อกินคือร้าน “มันโบ” ที่ได้ลงหนังสือและออกสื่อต่างๆ มากมาย จนมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาไม่ขาดสาย แถมร้านนี้ยังมีชื่อมากเพราะสร้างภัตตาคารใต้ทะเลขึ้นเป็นแห่งแรกในญี่ปุ่นเมื่อปี ค.ศ. 1983 โต๊ะอาหารจะอยู่ล้อมตู้แก้วเลี้ยงปลา ทำให้สามารถกินอาหารไปพร้อมกับชมปลาได้ โดยมีทั้งตะขนาดเล็กไปจนถึงเบาะนั่งพื้นแบบญี่ปุ่น “อิคิอิกะ” เป็นเมนูที่ผู้มาเยือนแทบทุกคนจะต้องสั่ง แถมยังมีขนมจีบหมึกกล้วยสูตรพิเศษของมันโบให้ได้ลองกันด้วย บอกได้เลยว่าการลงทุนเดินทางมากินอาหารที่ร้านนี้ไม่มีขาดทุนแน่!

7. [คาโกชิมะ] อาหารแสนอร่อยของร้านที่ริเริ่มชาบูชาบูหมูดำ! ”หมูดำคาโกชิมะ” ร้านหมูดำ อาจิโมริ

photo by stanley__leong   /   embedded from Instagram

“หมูดำคาโกชิมะ” เป็นหนึ่งในอาหารที่ควรชิมหากได้มาจังหวัดคาโกชิมะ การเลี้ยงหมูในจังหวัดแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 400 ปี โดยเริ่มมาตั้งแต่ยุคเอโดะ แม้จะมีร้านอาหารเนื้อหมูมากมายในจังหวัดแต่ที่เราขอแนะนำให้ไปหากอยากชิม “หมูดำคาโกชิมะ” คือร้านอาจิโมริ! อาหารเนื้อหมูนั้นมีหลายประเภทเช่น ทงคัตสึ, ชาบูชาบู, ทงเทคิ หรือเนื้อย่าง ทำเอาเลือกกินไม่ถูกกันทีเดียว โดยเมนูแนะนำของร้านอาจิโมริคือคุโระชาบู ที่ทางร้านเป็นผู้ริเริ่มการทำชาบูชาบูโดยใช้หมูดำ ซึ่งจะแตกต่างจากชาบูชาบูทั่วไปตรงที่ไม่ใช่ซีอิ้วเปรี้ยวปองซุหรือน้ำจิ้มงา แต่จะใช้น้ำซุปกับไข่เป็นน้ำจิ้มแทน หากมากินมื้อเย็นราคาคอร์สหมุดำจะแพงกว่า 4,00 เยน แต่ถ้ามามื้อเที่ยงจะมีราคาเริ่มต้นที่ 3,240 เยน

นอกจากอาหารแบบคอร์สแล้ว มื้อเที่ยงยังมีเมนูอื่นๆ ที่มีราคาตั้งแต่ 880 ถึง 1,000 เยน ทำให้คุณสามารถชิม “หมูดำคาโกชิมะ” ที่นุ่นลิ้มกัดขาดง่าย มีรสอร่อยและไขมันที่ไม่เลี่ยนปากเหมือนเนื้อหมูอื่นได้ในราคาย่อมเยา ลองได้ชิมสักครั้งจะต้องติดใจแน่!

8. [นางาซากิ] อิ่มอร่อยกับรสชาติทำกับมือที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง! ”ซาเซโบะเบอเกอร์” ร้าน BigMan

photo by miyuuuuukiy   /   embedded from Instagram

คุณรู้ไหม? ว่าตอนนี้ซาเซโบะเบอเกอร์ที่เป็นของอร่อยประจำถิ่นจังหวัดนางาซากิกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เมนูนี้เกิดขึ้นมาที่เมืองซาเซโบะซึ่งเป็นที่ตั้งของฐานัพอเมริกาหลังจบสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีคนถามสูตรการทำแฮมเบอเกอ์มาจากชาวอเมริการในฐานทัพช่วงปีค.ศ. 1950 หลังจากนั้นก็มีร้านค้าในเมืองมากมายเริ่มขายแฮมเบอเกอร์ และกลายเป็นอาหารแห่งจิตวิญญาณที่อยุ่คู่เมืองซาเซโบะในที่สุด “ซาเซโบะเบอเกอร์” มีจุดเด่นคือการใช้วัตถุดิบจากในท้องที่มาปรุงทีละชิ้นหลังจากได้รับออเดอร์แล้ว ทำให้แต่ละร้านมีเครื่องปรุงที่ใช้และขนาดที่แตกต่างกันออกไป!

ในตัวเมืองมีร้านที่ขาย “ซาเซโบะเบอเกอร์” อยู่มากกว่า 30 ร้าน แต่ที่เราอยากแนะนำที่สุดคือร้าน “BigMan” ที่เริ่มขายแฮมเบอเกอร์มาตั้งแต่ปี 1971 ร้านนี้คิดค้นสูตรขนมปังที่ใช้เอง เนื้อเบอเกอร์ก็เป็นเนื้อวัวว 100% เบคอนก็ทำเอง ไข่ที่ใช้ก็เป็นไข่ไก่ที่ดูแลให้อาหารอย่างดี ผักเช่น ผักกาด, มะเขือเทศก็ต้องเป็นผักที่สดใหม่ทุกวันเท่านั้น การทุ่มเทใส่ใจตั้งแต่วัตถุดิบทำให้ “ซาเซโบะเบอเกอร์” ของร้านนี้มีรสชาติยอดเยี่ยมมาก โดยเฉพาะเบค่อนนั้นเป็นที่เรื่องชื่ออย่างยิ่ง เมนูที่ได้รับความนิยมที่สุดคือ เบค่อนเอ้กเบอเกอร์ ที่ทางร้านเป็นผู้คิดค้นขึ้นมาเอง หากได้แวะมาซาเซโบะเราขอให้คุณอย่างพลาดที่จะลองชิมเมนูนี้เด็ดขาด

9. [โออิตะ] กินของอร่อยในแหล่งคาราอาเกะชื่อดัง! ”นาคาทสึคาราอาเกะ” ร้านคาราอาเกะสไตล์นาคาทสึ โมริยามะ

photo by k___wsyan   /   embedded from Instagram

ในเมืองคาราทสึของจังหวัดโออิตะนั้นมีร้านที่ขายเฉพาะคาราอาเกะอยู่มากกว่า 30 ร้าน เนื่องจากเมืองแห่งนี้เป็นแหล่งเพาะเลี้ยงไก่มาตั้งแต่ในอดีตทำให้มีเมนูอาหารที่ทำจากเนื้อไก่อยู่มากมาย โดยเฉพาะไก่ทอดคาราอาเกะที่ขึ้นชื่อมากจนถูกกล่าวขานว่าเป็น “ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แหง่คาราอาเกะ” เลยทีเดียว คาราอาเกะมักมีการปรุงรสด้วยโชยุ หรือเกลือเป็นหลัก โดย “คาราทสึคาราอาเกะ” จะหมักเนื้อไก่ในน้ำจิ้มที่ใส่กระเทียมและขิงด้วย แต่ละร้านจะมีปริมาณส่วนผสมและเวลาในการหมักที่แตกต่างกันออกไป ทำให้รสชาติเป็นเอกลักษณ์แตกต่างกันไป ทำให้คนในท้องถิ่นมักมีร้านประจำที่รสชาติถูกปากของตัวเองอยู่ ร้านส่วนใหญ่มักจะเริ่มทอดเมื่อลูกค้ามาสั่งจึงทำให้คุณจะได้กินไก่ทอดเนื้อฉุ่มฉ่ำร้อนๆ แสนอร่อย

ในบรรดาร้านมากมายในนาคาทสึนั้น ร้านที่เราอยากจะแนะนำคือ “โมริยามะ” ที่ให้ความสำคัญกับวตถุดิบที่จะใช้ เช่นเลือกใช้เนื้อไก่ในญี่ปุ่น 100% และน้ำจิ้มที่ใส่กระเทียมที่ทางร้านปลูกเอง นอกจากคาราอาเกะแบบปกติที่ใช้เนื้ออกไก่ไร้กระดูกแล้ว ยังมีคาราอาเกะแบบติดกระดูก, ข้อไก่ทอด, ปีกไก่ทอด ฯลฯ ให้คุณได้ลองกินกันด้วย หากคุณขับรถแวะผ่านมาแถวนี้ก็ลองแวะเข้าไปกินกันดูสิ!

10. [ซากะ] ใช้ผักสดส่งตรงจากไร่ในท้องที่แบบไม่อั้น! ”ซิซิเลี่ยนไรส์” ร้าน TRES

photo by nao___777___nao   /   embedded from Instagram

แม้จะไม่ดังไปทั่วประเทศ แต่ซิซิเลี่ยนไรส์คืออาหารที่ชาวจังหวัดซากะรู้จักกันทุกคน แต่เดิมเมนูนี้เป็นอาหารที่พนักงานร้านกาแฟแห่งหนึ่งทำกินกันในช่วงปีค.ศ. 1975 ก่อนที่จะแพร่หลายออกไปและมีร้านทำเมนูนี้ขายมากกว่า 40 ร้าน ชื่อเมนูนั้นว่ากันว่ามาจากชื่อเกาะซิซิเลียที่เป็นสถานที่ถ่ายทำเรื่องก็อดฟาเธอร์ซึ่งโด่งดังมากในสมัยนั้น แต่ก็ไม่มีผู้ใดทราบที่มาที่ไหที่แท้จริงของความลับนั้น แต่เมนูนี้เป็นอาหารที่เรียบง่ายจึงได้รับความนิยมนำไปทำกินกันในครัวเรือนด้วย เพียงใส่ข้าวร้อนๆ ลงในจาน แล้วราดเนื้อผัดกับหอมใหญ่ และใส่ผักกาด, มะเขือเทศ, แตงกวาสดตามลงไป ก่อนจะราดซอสมายองเนสสูตรพิเศษปิดท้ายเป็นเป็นอันเสร็จ แต่ละร้านจะมีการดัดแปลงวัตถุดิบที่ใช้และรสชาติของซอสทำให้รสชาติต่างกัน และกินเปรียบเทียบได้อย่างสนุกสนาน

ซิซิเลี่ยนไรส์นองร้าน “TRES” ที่เราจะแนะนำนั้นใช้ข้าวเกรด A จากไร่นิชิอุระที่ได้รับการรับรองว่าเป็นไร่ที่ทำเกษตรแบบปลอดสารเคมีจากจังหวัด, หมูวาคาคุสุชั้นดีประจำจังหวัดซากะ และผักสดๆ ส่งตรงจากไร่ในท้องถิ่น แถมหลังอาหารยังมีกาแฟออแกนิค หรือชาฝรั่งที่ใช้ใบชาที่ปลูกแบบธรรมชาติในภูเขาเมืองอุเรชิโนะไว้ให้ดื่มล้างปากปิดท้ายด้วย!

กินของอร่อยประจำคิวชูให้หนำใจ!

เป็นอย่างไรกันบ้าง? ของกินของคิวชูนั้นมีทั้งของอร่อยจากภูเขา และท้องทะเลมากมาย ทำให้มีผู้คนจากหลากหลายท้องที่แวะเวียนมาเพื่อกินของอร่อยเหล่านั้น ที่เรานำเสนอในครั้งนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของอาหารอร่อยประจำคิวชูเท่านั้น ยังมีของอร่อยที่คนท้องที่ได้กินเป็นประจำแต่คนต่างถิ่นถ้าไม่มีถึงที่คงไม่ได้ลิ้มรสอยู่อีกมากมาย หากได้แวะเวียนมาเที่ยวที่คิวชู ลองวนเวียนไปชิมของอร่อยในแต่ละจังหวัดดูหน่อยไหม?